แคธี วูด(Cathie Wood) ซีอีโอของ ARK Invest กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการ ‘โทเค็นไนซ์’ กองทุนของบริษัท เธอกล่าวในสัมภาษณ์กับ Bloomberg TV ว่าการนำสินทรัพย์เข้าสู่ ‘ออนเชน’ อาจช่วยขยายการเข้าถึงของนักลงทุน และเธอกำลังศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง
วูดกล่าวถึงแล็ร์รี ฟิงค์(Larry Fink) ซีอีโอของแบล็คร็อก(BlackRock) ซึ่งเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาต้องการ ‘โทเค็นไนซ์ทุกอย่าง’ โดยเธอเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเร่งให้สถาบันการเงินนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้มากขึ้น นอกจากนี้ เธอยังมองว่าการที่บริษัทการลงทุนขนาดใหญ่อย่างแบล็คร็อกให้ความสนใจ อาจบ่งบอกถึงทิศทางที่ชัดเจนในการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ARK Invest กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการทำให้นวัตกรรมกองทุนของบริษัท เช่น กองทุนร่วมลงทุน ARKVX และกองทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ให้สามารถใช้งานบนบล็อกเชน อย่างไรก็ตาม เธอเน้นว่าความคืบหน้าดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับการพัฒนาด้านกฎระเบียบ และบริษัทกำลังติดตามนโยบายจากหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
สำหรับมุมมองต่อบิตคอยน์(BTC) วูดยังคงมีมุมมองที่ ‘เชิงบวกอย่างมาก’ โดยเธอเชื่อว่าการผ่อนคลายนโยบายของสหรัฐฯ จะช่วยเร่งให้สถาบันการเงินหันมาลงทุนในคริปโตมากขึ้น และทำให้การลงทุนมี ‘ความคุ้มค่าต่อความเสี่ยง’ มากขึ้น เธอยืนยันคาดการณ์เดิมว่าบิตคอยน์อาจแตะระดับ 1.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 54 ล้านบาท) ภายในปี 2030
เกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ วูดระบุว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเข้าสู่ช่วง ‘ชะลอตัว’ โดยคาดว่าบางไตรมาสอาจพบกับการเติบโตติดลบ อย่างไรก็ตาม เธอมองว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งภายในปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลเชิงบวกต่อตลาดคริปโต
เธอยังเตือนเกี่ยวกับ ‘มิเมโค้ยน์’ โดยกล่าวว่า แม้ว่าจะมีเหรียญใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่มักไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่แท้จริง และอาจถึงจุดที่ ‘ไร้ค่า’ ในอนาคต โดยย้ำว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ไม่ได้ให้ความคุ้มครองในกรณีเหล่านี้ นักลงทุนจึงควรใช้ความระมัดระวัง
วูดยังมองว่า บิตคอยน์ อีเธอเรียม(ETH) และโซลานา(SOL) จะกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงิน โดยมีบทบาทสำคัญต่อระบบการเงินในอนาคต เธอเชื่อว่าการใช้สเตเบิลคอยน์จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มใช้บิตคอยน์ควบคู่กับเงินตราทั่วไป
สุดท้าย วูดยืนยันว่าแนวทางการลงทุนของ ARK Invest ยังคงให้ความสำคัญกับ ‘เทสลา(TSLA) และบิตคอยน์’ เป็นหลัก เธอยังกล่าวเสริมว่าในยุค AI บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง ‘พาลันเทียร์(PLTR)’ จะมีโอกาสเติบโต และการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุค AI ในองค์กรต่างๆ จะนำมาซึ่งมูลค่ามหาศาล
ความคิดเห็น 0