อีเธอเรียม(ETH) ในตลาดแลกเปลี่ยนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี ทำให้นักลงทุนจับตาความเป็นไปได้ของ ‘การปรับตัวขึ้น’ ของราคา
จากข้อมูลของซานติเมนท์(Santiment) เมื่อวันที่ 20 พบว่า ปริมาณอีเธอเรียมในตลาดแลกเปลี่ยนลดลงเหลือเพียง 8.97 ล้าน ETH ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2015 เทียบกับช่วงปลายเดือนมกราคม ยอดคงเหลือของ ETH ในตลาดแลกเปลี่ยนลดลงถึง 16.4% บ่งบอกถึงแนวโน้มที่นักลงทุนกำลังย้ายสินทรัพย์ไปเก็บไว้ใน ‘กระเป๋าเงินเย็น’ สำหรับการถือครองระยะยาว
แนวโน้มดังกล่าวอาจนำไปสู่ ‘ภาวะขาดแคลนอุปทาน’ ในตลาด ซึ่งหากความต้องการยังคงที่หรือเพิ่มขึ้น อาจกระตุ้นให้ราคาพุ่งสูงขึ้นได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือบิตคอยน์(BTC) ซึ่งเมื่อวันที่ 13 มกราคม ปริมาณในตลาดแลกเปลี่ยนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี และหลังจากนั้นเพียงสัปดาห์เดียว ราคาพุ่งแตะ 109,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์บางรายจึงคาดว่าอีเธอเรียมอาจเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน
นักเทรดคริปโต ‘คริปโต เจเนอรัล’ กล่าวว่า “เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ภาวะขาดแคลนอุปทานจะรุนแรงขึ้น” ขณะที่นักวิเคราะห์ ‘เท็ด(Ted)’ กล่าวเสริมว่า “เมื่อลดปริมาณ ETH ในตลาดแลกเปลี่ยน จะเกิดการแย่งชิงซื้อ ทำให้ราคามีโอกาสพุ่งขึ้น”
จากกระแสนี้ นักลงทุนบางส่วนคาดว่าราคาอีเธอเรียมอาจไต่ขึ้นไปถึง 8,000-10,000 ดอลลาร์ หากแตะเป้าหมายสูงสุด ราคาจะเพิ่มขึ้นกว่า 100% จากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 4,878 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2021
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาปัจจุบันยังไม่เป็นบวกทั้งหมด ETH ปรับตัวลดลง 26% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ 1,971 ดอลลาร์ ขณะที่ประสิทธิภาพเทียบกับบิตคอยน์ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี นอกจากนี้ ETF อีเธอเรียมในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลยังเผชิญกระแสเงินทุนไหลออกติดต่อกัน 12 วัน รวมมูลค่า 370.6 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,414 ล้านบาท)
สก็อตต์ เมลเคอร์ นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า “ราคาปัจจุบันอาจเป็นจุดต่ำสุดในระยะยาวและเตรียมเข้าสู่ขาขึ้นใหม่ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น อาจมีการปรับฐานลงต่อ”
การลดลงของอีเธอเรียมในตลาดแลกเปลี่ยนจะเป็นสัญญาณของขาขึ้น หรือแนวโน้มขาลงจะยังคงดำเนินต่อไป นับเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องจับตามอง
ความคิดเห็น 0