บิตคอยน์(BTC) ยังคงเผชิญกับแนวต้านที่ 88,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับการปรับฐานของราคา แม้กลุ่มนักลงทุนระยะยาวจะยังเดินหน้าสะสมเหรียญ แต่บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างจับตาดูทิศทางต่อไปอย่างใกล้ชิด
ในสัปดาห์นี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับ 88,700 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 87,000 ดอลลาร์ โดย ณ วันที่ 27 ราคายังคงติดแนวต้านที่แข็งแกร่งบริเวณ 88,000 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเคลื่อนไหวขาลง
สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศแผนการเรียกเก็บภาษีรถยนต์ 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศหลักอย่างเม็กซิโก, แคนาดา, ญี่ปุ่น และเยอรมนี โดยหากพิจารณาจากอดีต ในช่วงที่รัฐบาลทรัมป์ก่อนหน้านี้ขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดา, เม็กซิโก และจีน บิตคอยน์เคยร่วงหนักจาก 105,000 ดอลลาร์ ลงไปสู่ระดับ 92,000 ดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดคริปโตมีแนวโน้มเปราะบางต่อภาวะตึงเครียดทางการค้า
QCP แคปิทอล บริษัทเทรดคริปโตในสิงคโปร์ เตือนว่า "หากมีมาตรการตอบโต้เพิ่มเติม อาจสร้างแรงกดดันให้ตลาดการเงินโลกที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว"
ในขณะเดียวกัน บริษัทวิเคราะห์ตลาดคริปโตอย่าง Glassnode รายงานว่าความต้องการในตลาดบิตคอยน์ลดลง โดยตลอดเดือนมีนาคม ตัวเลขกำไรและขาดทุนที่รับรู้ได้หดตัวลง ทำให้มูลค่าการทำกำไรโดยรวมอยู่ที่เพียง 508 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงถึง 85% เมื่อเทียบกับช่วงที่ราคาทำสถิติสูงสุดที่ 109,000 ดอลลาร์ในอดีต เทรนด์นี้สะท้อนแพทเทิร์นคล้ายกับช่วงที่นักลงทุนสะสมเหรียญบริเวณราคา 50,000-70,000 ดอลลาร์ในปี 2024
ข้อมูลเชิงเทคนิคก็ไม่ค่อยสดใสนัก โดยในกรอบระยะสั้น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (SMA) ที่ระดับ 85,500 ดอลลาร์ และแนวรับที่ 82,700 ดอลลาร์ ถือเป็นจุดที่ตลาดต้องจับตา หากราคาตกลงต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 82,000 ดอลลาร์ อาจนำไปสู่การปรับฐานลึกลงไปที่กรอบ 72,200-74,500 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากบิตคอยน์สามารถฝ่าแนวต้าน 88,700-92,000 ดอลลาร์ได้ สำเร็จ อาจนำไปสู่กระแสตลาดกระทิงรอบใหม่พร้อมโอกาสทะลุแนว 100,000 ดอลลาร์
ผู้เชี่ยวชาญบางรายเชื่อว่าตลาดยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน โดยคีธ อัลเลน นักวิเคราะห์สายเทรดมองว่า "บิตคอยน์ต้องกลับไปยืนเหนือระดับ 93,300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาเปิดปี 2025 เพื่อยืนยันแนวโน้มขาขึ้น"
แนวโน้มราคาของบิตคอยน์ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์, ปฏิกิริยาของตลาดโลก และแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน ท่ามกลางภาวะตลาดการเงินที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักลงทุนจำเป็นต้องเฝ้าระวังแนวรับและแนวต้านที่สำคัญอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0