ราคาบิตคอยน์(BTC) ชะลอตัว ขณะที่ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 453,000 บาท) ปัจจัยสำคัญมาจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาคที่มีผลต่อภาพรวมของตลาด
เมื่อวันที่ 27 (เวลาท้องถิ่น) ราคาบิตคอยน์เกิดความผันผวนหลังตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการ โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 เติบโตที่ 2.3% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่ก็ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ต่างประเทศเพิ่มเติม ทำให้นักลงทุนลดความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรซึ่งมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ สูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 14.6 ล้านล้านบาท) มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลกอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ได้รับความสนใจจากนักลงทุน และผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งแตะระดับ 3,059 ดอลลาร์ (ประมาณ 447,000 บาท) ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม ราคาบิตคอยน์ยังไม่สามารถแสดงแนวโน้มขาขึ้นได้อย่างชัดเจน แม้ว่านักวิเคราะห์บางส่วนจะเชื่อว่าในระยะสั้น ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะ 91,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,329,000 บาท) โดยนักเทรดที่ใช้ชื่อว่า ‘Titan of Crypto’ ระบุว่า บนกราฟ 4 ชั่วโมงของบิตคอยน์กำลังเกิด ‘รูปแบบ Pennant ขาขึ้น’ ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสการปรับตัวขึ้นต่อไป นอกจากนี้ นักวิเคราะห์อีกราย ‘Mikybull Crypto’ คาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์อาจพุ่งไปถึง 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,635,200 บาท) ได้ในอนาคต
แนวโน้มตลาดของบิตคอยน์ยังคงได้รับอิทธิพลจากนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของ Fed และนโยบายภาษีของทรัมป์ นักลงทุนต่างจับตาดูปัจจัยเหล่านี้เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่ยังคงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ความคิดเห็น 0