ราคา ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ยังคงไม่สามารถทะลุแนวต้าน 2,200 ดอลลาร์ได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาวะซบเซายังคงดำเนินต่อไป ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ได้แก่ กิจกรรมเครือข่ายที่ลดลง, การหดตัวของ ‘มูลค่ารวมที่ถูกล็อก (TVL)’ และความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่เพิ่มขึ้น
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม อีเธอเรียมดีดตัวขึ้นจากแนวรับ 2,000 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.2% อย่างไรก็ตาม กลับไม่สามารถทะลุแนวต้าน 2,200 ดอลลาร์ได้ และเข้าสู่ภาวะสะสมพลัง โดยช่วงเวลาดังกล่าว ผลตอบแทนของตลาดคริปโตโดยรวมสูงกว่าอีเธอเรียมประมาณ 11% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลของนักลงทุน
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า มีปัจจัยสำคัญอยู่หลายประการที่เป็นตัวฉุดรั้งราคาอีเธอเรียม โดยเฉพาะการลดลงของกิจกรรมออนเชนและ ‘TVL’ ตามข้อมูลของ ‘DefiLlama’ แพลตฟอร์มสำรวจตลาดดีไฟ(DeFi) อีเธอเรียมยังคงเป็นเครือข่ายสำคัญสำหรับการซื้อขายบนกระดานแลกเปลี่ยนกระจายศูนย์ (DEX) โดยมีปริมาณการซื้อขายในช่วง 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 22,450 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม DEX บน ‘โซลานา(SOL)’ เติบโตขึ้น 4% ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้ช่องว่างระหว่างเครือข่ายทั้งสองแคบลง
ปัญหาอีกประการคือ TVL ที่ลดลง ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา TVL ของอีเธอเรียมหดตัวลง 13% มาอยู่ที่ 50,800 ล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน ‘BNB เชน’ มี TVL ลดลง 8% แม้ว่าจะน้อยกว่าอีเธอเรียมในเชิงมูลค่า แต่ผลกระทบต่ออีเธอเรียมนั้นรุนแรงกว่า
การลดลงของเงินฝากบนแพลตฟอร์ม ‘ยูนิสวาป(Uniswap)’ ซึ่งลดลงถึง 22.5% ภายใน 30 วัน ถือเป็นอีกปัจจัยที่น่ากังวล เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มสำคัญอื่น ๆ อย่าง ‘Ether.fi’ (-18.8%), ‘ลิโด(Lido)’ (-17.3%) และ ‘มอร์โฟ(Morpho)’ (-17%) การไหลออกของสภาพคล่องเหล่านี้ส่งผลให้ความต้องการใช้งานเครือข่ายลดลง และทำให้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมเฉลี่ยร่วงต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020
แนวโน้มอุปสงค์ที่ลดลงยังสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของอุปทาน ETH แม้ว่าจะมี ‘EIP-1559’ ซึ่งช่วยเผาเหรียญเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ แต่การขยายตัวของพื้นที่บล็อบ(blob) สำหรับโซลูชันเลเยอร์ 2 ทำให้จำนวนเหรียญที่ถูกเผาลดลง และส่งผลให้ตัวเลขการออกเหรียญกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง
นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า การอัปเกรดเครือข่าย ‘เปคตรา(Pectra)’ อาจช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบนิเวศอีเธอเรียมได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการกระจายค่าธรรมเนียมได้อย่างสมบูรณ์
ในอีกด้านหนึ่ง ตลาดยังให้ความสนใจกับ ‘การประชุมสุดยอดคริปโต’ ซึ่งจะจัดขึ้นที่ทำเนียบขาวในวันที่ 7 มีนาคม โดยมีผู้นำในอุตสาหกรรมเข้าร่วม พร้อมหารือเกี่ยวกับนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลและกลยุทธ์คริปโตของ ‘ทรัมป์’ อย่างไรก็ตาม อีเธอเรียมอาจไม่ได้ถูกจัดให้เป็นประเด็นหลักของการหารือ ซึ่งอาจเพิ่มความกังวลในหมู่นักลงทุน
ในขณะนี้ ‘การฟื้นตัวของกิจกรรมเครือข่าย’ และ ‘การเติบโตของตลาดดีไฟ’ อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะผลักดันให้อีเธอเรียมทะลุแนวต้าน 2,200 ดอลลาร์ นักลงทุนยังคงจับตาดูว่าแนวโน้มของตลาดในอนาคตจะช่วยให้ ETH กลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ได้หรือไม่
ความคิดเห็น 0