นโยบายคริปโตที่เป็นมิตรของประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังก่อให้เกิดความกังวลในสหภาพยุโรป(EU) รายงานเมื่อวันที่ 11 ของ Reuters ระบุว่า รัฐมนตรีการคลังของกลุ่มยูโรโซนแสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ต่ออธิปไตยของเงินยูโรและเสถียรภาพทางการเงิน
ปาสคาล โดโนฮิว ประธานการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน (Eurogroup) กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงนโยบายในภูมิภาคอื่นอาจส่งผลกระทบสำคัญต่อยุโรป” พร้อมเตือนถึงแรงกระเพื่อมที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของภูมิภาค เขาย้ำว่า “เราต้องพิจารณาประเด็นนี้อย่างรอบคอบเพื่อคงไว้ซึ่งอธิปไตยทางการเงินและความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจ”
เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารที่สร้าง ‘กองทุนสำรองบิตคอยน์’ โดยใช้คริปโตที่รัฐบาลถือครอง ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากแนวทางการกำกับดูแลของรัฐบาลไบเดน และตั้งเป้าที่จะสร้างระบบการเงินดิจิทัลที่นำโดยสหรัฐฯ
ปิแอร์ กราเมนญา ผู้อำนวยการกลุ่มกลไกเสถียรภาพยุโรป (ESM) เตือนว่า “แนวทางที่เป็นมิตรต่อคริปโตของสหรัฐฯ อาจสร้างรอยร้าวใหม่ในตลาดการเงินโลก” พร้อมระบุว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ อาจกลับมาพัฒนาระบบชำระเงินอิสระของตนเองอีกครั้ง เขายังกล่าวเสริมว่า “หากสหรัฐฯ ให้การยอมรับตลาดคริปโตเต็มที่ โครงการเงินยูโรดิจิทัลของยุโรปอาจเผชิญความท้าทายอย่างมีนัยสำคัญ”
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของเงินยูโรดิจิทัลตั้งแต่ปี 2020 แต่ความล่าช้าของโครงการเมื่อเทียบกับนโยบายของสหรัฐฯ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แม้แต่ใน EU ก็มีความกังวลว่า “หากยุโรปล่าช้าในการพัฒนาเงินดิจิทัล อาจต้องพึ่งพาสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของยุโรปมากขึ้น”
แม้ว่า ECB จะยังคงท่าทีที่ระมัดระวังต่อคริปโต โดยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ได้เผยแพร่รายงานที่ระบุว่าบิตคอยน์เป็นเพียงสินทรัพย์เก็งกำไรและมีผลกระทบจำกัดต่อระบบการเงินโลก แต่การเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ อาจทำให้แนวทางเดิมของ ECB ถูกนำขึ้นมาพิจารณาใหม่
ท้ายที่สุด นโยบายคริปโตของทรัมป์ ไม่ใช่เพียงแค่การผ่อนคลายกฎระเบียบทางการเงิน แต่มันอาจกลายเป็นปัจจัยใหม่ที่กำหนดโครงสร้างเศรษฐกิจโลก EU ต้องเร่งกำหนดยุทธศาสตร์รับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นนี้
ความคิดเห็น 0