อัตราการนำ ‘บิตคอยน์(BTC)’ ไปใช้งานในออสเตรเลียกำลังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้แนวทางการเข้าถึงและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนชาวออสเตรเลียมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน ออสเตรเลียจัดให้บิตคอยน์เป็น *สินทรัพย์* อย่างถูกกฎหมาย โดยมีการกำกับดูแลผ่านหน่วยงานอย่างศูนย์รายงานธุรกรรมของออสเตรเลีย (AUSTRAC) และกรมสรรพากรออสเตรเลีย (ATO)
ข้อมูลล่าสุดในปี 2025 ระบุว่า ประชากรวัยผู้ใหญ่ของออสเตรเลียราว 32.5% ถือครองบิตคอยน์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 41.3% เมื่อเทียบกับปี 2023 ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตนี้คือความชัดเจนของข้อบังคับทางกฎหมายและการมีช่องทางซื้อขายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ‘กระดานเทรดแบบรวมศูนย์(CEX)’, ‘ตลาดแบบไร้ศูนย์กลาง(DEX)’, การเทรดแบบ ‘P2P’, เครื่อง ‘ATM บิตคอยน์’ หรือแม้กระทั่ง ‘กองทุน ETF’
ขั้นตอนเริ่มต้นของนักลงทุนคือการเลือก ‘กระดานเทรด’ ที่เชื่อถือได้ พร้อมดำเนินการยืนยันตัวตน (KYC) แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยม เช่น ‘คอยน์สปอต(CoinSpot)’, ‘สวิฟต์เอ็กซ์(Swyftx)’ และ ‘ไบแนนซ์(Binance)’ ต่างปฏิบัติตามข้อกำหนดของทางการออสเตรเลีย และตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นมา ทุกกระดานเทรดจะต้องได้รับ ‘ใบอนุญาตบริการทางการเงินของออสเตรเลีย’ (AFSL) อย่างเป็นทางการ
ทางเลือกในการชำระเงินยังครอบคลุมทั้งการโอนผ่านธนาคาร, บัตรเครดิต, PayID ไปจนถึงเงินสด โดยแต่ละวิธีอาจมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมต่างกัน การตรวจสอบล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยง นักลงทุนควรย้ายเหรียญไปเก็บในกระเป๋าสตางค์แบบไร้ศูนย์กลางหรือ ‘กระเป๋าเงินแบบไม่เชื่อมั่นบุคคลที่สาม’ เช่น ‘ทรัสต์วอลเล็ต’ และ ‘เอ็กโซดัส’ หรือกระเป๋าเงินเย็น (cold wallet) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบิตคอยน์ผ่าน DEX ก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน โดยต้องมีกระเป๋าเงินอย่าง ‘เมตามาสก์(MetaMask)’ และทำธุรกรรมผ่านการแลกเปลี่ยน ‘อีเธอเรียม(ETH)’ กับ ‘WBTC’ หรือ ‘แรปป์บิตคอยน์’ ข้อดีของระบบแบบไร้ศูนย์กลางคือผู้ใช้งานสามารถควบคุม ‘คีย์ส่วนตัว’ ได้อย่างสมบูรณ์
อีกหนึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากขึ้นคือการซื้อ-ขายผ่านระบบ P2P เช่น ‘ไบแนนซ์ P2P’ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถเทรดกันเองโดยตรงโดยไม่ต้องพึ่งกระดานเทรด การทำธุรกรรมนี้มักมี ‘ระบบเอสโครว์’ คอยดูแลความปลอดภัย และเมื่อใช้บริการจ่ายเงินแบบเรียลไทม์อย่าง PayID ก็สามารถรับเหรียญได้ภายในไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม การเลือกผู้ขายที่น่าเชื่อถือถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง
‘เครื่อง ATM บิตคอยน์’ เป็นตัวเลือกที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อเหรียญได้อย่างสะดวก ที่นิยมติดตั้งในห้างสรรพสินค้าหรือพื้นที่สาธารณะของเมืองใหญ่ โดยต้องยืนยันตัวตนและสแกน QR Code ก่อนทำธุรกรรม ATM ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ AUSTRAC จะมีมาตรการด้านความปลอดภัย แต่ผู้ใช้งานก็ควรรักษาความเป็นส่วนตัวขณะทำธุรกรรมในพื้นที่สาธารณะ
สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการถือเหรียญโดยตรง ยังสามารถลงทุนผ่าน ‘กองทุน ETF บิตคอยน์’ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย(ASX) เช่น ‘VBTC’ โดย VanEck และ ‘EBTC’ โดย Global X ซึ่งสามารถซื้อขายผ่านโบรกเกอร์เหมือนหุ้นทุนทั่วไป ETF เหล่านี้จะสะท้อนราคาของบิตคอยน์โดยไม่ต้องถือเหรียญจริง และต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจาก ASIC และ ASX
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดในการลงทุนคือ ‘ความปลอดภัยในการจัดเก็บ’ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดใช้ระบบยืนยัน 2 ขั้นตอน การสำรองคีย์ส่วนตัว หรือการจัดเก็บในกระเป๋าเงินเย็น รวมไปถึงการศึกษาค่าธรรมเนียม ภาษีกำไรจากทุน (GCT) และการทำธุรกรรมด้วยจริยธรรม
รัฐบาลออสเตรเลียยังคงเพิ่มความเข้มงวดด้าน ‘การป้องกันฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนการก่อการร้าย’ ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาสมดุลเพื่อปกป้องผู้ลงทุนและส่งเสริมการเติบโตของตลาด
ในโลกคริปโตที่ขยับเปลี่ยนอยู่เสมอ นักลงทุนชาวออสเตรเลียต้องติดตามเทรนด์ใหม่, ปรับกลยุทธ์ให้ทันเวลา และกลายเป็นผู้ใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาดในระบบที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0