บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะยานกลับขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมรักษาระดับเหนือแนวรับสำคัญได้สำเร็จ โดยตามรายงาน ‘Alpha’ จากบิทฟิเน็กซ์ (Bitfinex) เมื่อวันที่ 24 ระบุว่า สถานะปัจจุบันของบิตคอยน์เข้าสู่ ‘โซนอุ่น (warm zone)’ ซึ่งยังไม่ใช่สัญญาณของจุดสิ้นสุดตลาดกระทิงแต่อย่างใด
รายงานชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางของบิตคอยน์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า คือการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะ ‘ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)’ และ ‘ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)’ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจกลายเป็นตัวเร่งสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคา
แม้บิตคอยน์จะยังผันผวนภายในกรอบการซื้อขาย แต่บิทฟิเน็กซ์มองว่า หากเกิดการเบรกขึ้นเหนือกรอบสำเร็จ ก็มีโอกาส ‘สร้างจุดสูงสุดใหม่’ ได้ อย่างไรก็ตาม หากปรับฐานลงก็อาจร่วงลงสู่ระดับ *110,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,529,000 บาท)*
อีกด้านหนึ่ง ตลาด ETF สปอตบิตคอยน์ของสหรัฐมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็น หลังจากช่วงต้นเดือนมีการไหลออกสุทธิต่อเนื่อง 4 วัน รวมกว่า *1,500 BTC* หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ *1.45 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.01 ล้านล้านบาท)* แต่ในช่วงวันที่ 6 ถึง 8 สิงหาคม กลับมีเงินไหลเข้าสุทธิรวมกว่า *770 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.07 ล้านล้านบาท)* แสดงถึงการฟื้นตัวของความเชื่อมั่น โดยเพียงแค่วันที่ 11 วันเดียว มีการไหลเข้าสูงถึง *178 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 24.75 พันล้านบาท)*
รายงานยังระบุว่า ความต้องการ ETF ที่กลับมา พร้อมกับการเข้าซื้อบิตคอยน์อย่างต่อเนื่องโดยบริษัทด้านคลังสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Treasury Firms) กำลังสร้างแรงสนับสนุนให้กับตลาดกระทิง แม้ราคาอาจผันผวนในระยะสั้น แต่ก็เป็น ‘ปัจจัยพื้นฐาน’ ที่นำไปสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว
ในด้านราคาบิตคอยน์ เมื่อวันจันทร์ ราคาพุ่งขึ้นไปแตะ *122,100 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.69 ล้านบาท)* ก่อนจะย่อลงมาอยู่ที่ *118,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.64 ล้านบาท)* ณ เวลารายงาน อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า แรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันและความสนใจใน ETF จะช่วย ‘ป้องกันราคาจากการปรับฐาน’ ได้
ตลาดในภาพรวมยังสะท้อนพฤติกรรมที่ต่างกันระหว่างนักลงทุนระยะสั้นและนักลงทุนระยะยาว โดยพบว่ากว่า *70%* ของบิตคอยน์ที่ถือครองในช่วงสั้นยังอยู่ในสถานะกำไร และอัตราการทำกำไรลดลงเหลือ *45%* บ่งชี้ว่าความกดดันในการขายเริ่มลดน้อยลง
บิทฟิเน็กซ์สรุปว่า จากองค์ประกอบเชิงโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ทำให้บิตคอยน์ยังคงเคลื่อนไปในทิศทางที่ ‘มองโลกในแง่ดีมากกว่ามองแง่ร้าย’ โดยเชื่อว่าตลาดในระยะใกล้อาจมีความผันผวนระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด แต่ในภาพรวมได้วางรากฐานเพื่อรองรับขาขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ ซึ่งอาจเป็นตัวชี้นำทิศทางในช่วงสั้นต่อไป
ความคิดเห็น 0