ราคาของริปเปิล(XRP) พุ่งขึ้นอย่างมากหลังจากการสิ้นสุดของคดีที่ยืดเยื้อระหว่างบริษัทริปเปิล(Ripple) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ซึ่งได้ช่วยลดความไม่แน่นอนทางกฎหมายที่กดดันตลาดมานาน ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งสัญญาณเชิงบวกให้กับนักลงทุนและกระตุ้นให้สถาบันการเงินกลับเข้ามาในตลาด ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า XRP อาจมีโอกาสไต่ระดับทะลุ ‘4 ดอลลาร์’ ได้ในอนาคตอันใกล้
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาของริปเปิล(XRP) ปรับตัวขึ้นถึง 9% โดยซื้อขายอยู่ที่ประมาณ ‘3.31 ดอลลาร์’ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในปีนี้ที่ ‘3.65 ดอลลาร์’ และหากนับเฉพาะสัปดาห์นี้ XRP เพิ่มขึ้นถึง 13% ปริมาณการซื้อขายก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมีมูลค่าซื้อขายสูงถึง 9.9 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 13.76 ล้านล้านวอน บนกระดานแลกเปลี่ยนหลัก
ปัจจัยที่ผลักดันราคา XRP ครั้งนี้มาจากการปิดฉากข้อพิพาททางกฎหมายกับ SEC ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2020 นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงเวลาเดียวกัน มีการโอน XRP จำนวนมหาศาลจากกระเป๋าเงินที่ไม่เปิดเผยตัวตนไปยังแพลตฟอร์ม ‘คอยน์เบส(Coinbase)’ โดยมากถึง 16.6 ล้าน XRP หรือราว 763 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึง ‘กิจกรรมจากนักลงทุนรายใหญ่’ หรือที่เรียกว่า “วาฬ” อย่างชัดเจน
ด้านปัจจัยทางเทคนิค ราคาของ XRP ยังคงยืนอยู่บนฐานที่มั่นคง โดยมีแนวรับสำคัญที่ ‘3.20 ดอลลาร์’ ซึ่งยังคงรักษาไว้ได้อย่างแข็งแรง การเคลื่อนไหวเริ่มต้นจากระดับ 0.786 Fibonacci retracement และขณะนี้ราคาได้ทะลุผ่านช่วง 0.618 พร้อมกับเข้าสู่ช่วงพักฐาน หากแนวรับยังคงอยู่ มีโอกาสที่ XRP จะทดสอบระดับ 3.65 ดอลลาร์อีกครั้ง และต่อเนื่องไปถึงการพยายามทะลุผ่านระดับ 4 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ตลาดอย่าง อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) กล่าวว่า XRP ได้ทะลุผ่านระดับขยาย Fibonacci ที่ 1.414 ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเป้าหมายระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณเตือนที่นักลงทุนควรระวัง ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม CryptoQuant ระบุว่าในช่วงต้นเดือนสิงหาคม มีการไหลออกของ XRP จากกระเป๋าเงินวาฬเกินกว่า 50,000 ธุรกรรม ส่งผลให้ดัชนีวาฬ XRP บน XRP Ledger เปลี่ยนเป็นลบ ซึ่งลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นก่อนการปรับฐานของราคาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ปริมาณ XRP ที่ถืออยู่บนตลาดแลกเปลี่ยนในช่วงเวลาเดียวกันกลับลดลงจาก 3.02 พันล้านเหลือ 2.3 พันล้านเหรียญ บ่งชี้ถึง ‘แรงขายในตลาดที่ลดลง’
ขณะเดียวกัน ดัชนี NVT (Network Value to Transactions Ratio) ซึ่งประเมินความสมดุลระหว่างมูลค่าตลาดกับปริมาณการใช้งานจริง ก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 177.5 หลังจากพุ่งสูงในวันที่ 7 สิงหาคม ชี้ว่ามูลค่าตลาดของ XRP กำลังปรับสมดุลกับการใช้งานจริง ลดแรงกดดันจากการเก็งกำไรระยะสั้น
ในภาพรวม การคาดการณ์ราคาของริปเปิล(XRP) ยังต้องอิงจาก ‘การวิเคราะห์เชิงเทคนิค’, ‘กิจกรรมของนักลงทุนรายใหญ่’, ‘ข้อมูลออนเชน’, และ ‘สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ’ การยุติคดีความกับ SEC ยังส่งผลในแง่บวกต่อโครงการของริปเปิลในการผลักดัน ‘การใช้เครือข่ายสำหรับชำระเงินที่อยู่ในกรอบการกำกับดูแล’ อย่างเต็มรูปแบบ
สิ่งสำคัญจากนี้คือ XRP จะสามารถขยาย ‘การใช้งานจริง’ และ ‘สภาพคล่อง’ เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของตลาดได้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในด้านบริการโอนเงินระหว่างประเทศและการทำสัญญาระดับสถาบัน ซึ่งถูกมองว่าเป็น ‘แรงขับเคลื่อนครั้งต่อไป’ ของการเติบโตของ XRP
ความคิดเห็น 0